วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

QR Code เปลี่ยนสี

ต่อไปนี้ภาพกราฟฟิกสี่เหลี่ยมจัตุรัสลายแปลกตา "QR Code" ที่เคยเป็นสีขาวดำมาตลอด นั้นกำลังถูกใส่สีเติมลวดลายในหลายตลาดทั่วโลกแล้วขณะนี้ ไปอัปเดทเทรนด์ใหม่เรื่อง QR Code ในตลาดโลก ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้หลายคนปิ๊งไอเดียใหม่ในการนำ QR Code ที่เต็มไปด้วยสีสันและสไตล์มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเอง 
สร้างความแปลกใหม่ด้วย Color QR Code กับบทบาทในการดำเนินธุรกิจ



       หลายๆครั้งที่มนุษย์คิดรูปแบบของระบบการจัดการเข้ามาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้า จัดการสต็อกด้วยแถบบาร์โค้ด ที่เป็นรหัสติดบนตัวสินค้า นั่นก็เพื่อเป็นการระบุข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ตั้งแต่การผลิต ข้อมูลของสินค้า และราคา
       บาร์โค้ดถูกพัฒนารูปแบบมาเป็นบาร์โค้ดแบบสองมิติภายใต้ชื่อ Quick-Response Code (QR Code) พัฒนาโดยบริษัท Denso Wave ลักษณะเป็นแถบรหัสสองมิติที่มีหน้าตาคล้ายภาพสามมิติที่เราเคยเล่นกันตอนเด็กๆ สามารถเก็บข้อมูลได้หลากหลายและมากกว่าบาร์โค้ดแบบปกติที่เป็นแท่งยาวๆ
       ในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการขายสินค้านั้น การที่ข้อมูลสินค้ามีจำนวนมาก ไม่สามารถที่จะใส่ระบุไว้บนกล่องบรรจุภัณฑ์ได้ หรือในใบปลิวโฆษณา หน้าโฆษณา ไม่มีเนื้อที่พอที่จะบรรจุข้อมูลทั้งหมดลงไปได้ ก็จะเป็นหน้าที่ของ QR Code ที่เป็นบาร์โค้ดที่บรรจุข้อมูลดิจิตอลพวกนี้ไว้ โดยมีการเก็บข้อมูลที่อยู่ของเว็บไซต์ ข้อความโฆษณา หรือหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถจัดเก็บตัวอักษรและข้อมูลต่างๆ
       การใช้งาน QR Code ที่เห็นกันในวงการไอทีบ่อยครั้งก็คือนามบัตร ข้อมูลที่จำเป็นจะถูกพิมพ์บนกระดาษ เช่น ชื่อ ชื่อบริษัท เบอร์โทรศัพท์ ส่วนข้อมูลอื่นๆ ผู้รับนามบัตรจะสามารถใช้กล้องบนโทรศัพท์มือถือ ถ่ายภาพ QR Code ด้วยโปรแกรมอ่าน QR Code เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม เช่น เว็บไซต์ หรือชื่อที่ใช้ในเครือข่ายสังคม
       ที่ผ่านมา คนไทยคุ้นตากับ QR Code ที่เป็นแบบขาวดำ คล้ายๆบาร์คโค้ดแบบแท่งซึ่งมีความเข้ม ความหนาของเส้นต่างกัน ที่ใกล้ตัวที่สุดก็เห็นจะเป็นการแสดงบาร์โค้ด QR Code บน BlackBerry ผ่านโปรแกรม BlackBerry Messenger แค่เอากล้องของ BlackBerry ด้วยกัน ส่องสักระยะให้เซ็นเซอร์อ่านค่า QR Code ก็จะสามารถเพิ่มรายชื่อที่มาพร้อมข้อมูลส่วนตัว
       ตอนนี้หลายๆคนคงจะเริ่มเห็นสินค้าหลายๆชิ้นมีรหัสบาร์โค้ด QR Code ให้สแกนกันแล้ว หลายๆคนใกล้ตัวก็ถามว่า มีลิงค์ URL ให้ดาวน์โหลดข้อมูลเพิ่มเติมใช่หรือไม่ นั่นคือความเข้าใจที่หลายๆคนมองในมุมของการเก็บข้อมูลและแจ้งข่าวสาร จากนั้นให้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์อีกครั้ง
       หากมองการใช้งานในเชิงธุรกิจแล้ว QR Code นำมาใช้ในการจองตั๋วชมภาพยตร์ ตั๋วรถไฟ เครื่องบินได้ดี เพราะหากเราสแกนบาร์โค้ด QR Code บนบัตรสมาชิกแล้วหักเงินจากบัตร ก็สามารถเก็บข้อมูลได้เลยว่าแต่ละคนมีลักษณะและพฤติกรรมในการชมภาพยนตร์แนวไหน มากี่คน ความถี่ในการชม สาขาที่ชม สถานที่ท่องเที่ยว ความถี่ วันหยุดหรือวันธรรมดา ทำให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านการตลาดมากมายและทำ CSR ได้อีกด้วย
  
Color QR Code




       แปลกใจไหมว่าทำไมบาร์โค้ดจึงเป็นขาวดำ ตั้งแต่บาร์โค้ดแบบธรรมดาที่ติดอยู่บนสินค้าทั่วไป จนมาถึง QR Code เครื่องพิมพ์บาร์โค้ดยังคงเป็นสีขาวดำ ก็เพราะการสแกนอ่านค่าโค้ดบนความแตกต่างของสีขาวและสีดำนั้นมีมากนั่นเอง
       จริงๆแล้ว QR Code แบบสีก็มี แต่ค่าความแตกต่างของสีนั้นจะต้องแตกต่างกันจนเครื่องอ่านหรือซอฟต์แวร์สามารถจำแนก แยกความแตกต่างของสีออกจากกันได้ เพราะอย่าลืมว่าเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดเอง หากใช้คนละยี่ห้อ การผสมสีก็ต่างกัน เช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ททั่วไป

  
       แม้ว่าบางคนจะเบื่อกับบาร์โค้ดสีขาวและดำ แต่การสร้างบาร์โค้ดสีนั้น จำเป็นต้องมีค่าความแตกต่างของสีที่ต่างกันเยอะหน่อย ทั้ง foreground และ background เช่น พื้นหลังสีม่วงกับแถบบาร์โค้ดสีดำ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ทำให้กฏข้อแรกของการใส่สีให้ QR Code จึงเป็นการเน้นพิจารณาเรื่องสีให้มาก

   
       เรื่องน่าสนใจมากจากการออกแบบ QR Code คือ Louis Vuitton แบรนด์ดังระดับโลก ได้ลงมือผลิตรูปแบบของ QR Code เก๋ไก๋ขึ้นมา ผลิตโดย SET และออกแบบโดย Takashi Murakami ปรับโฉมจากแถบบาร์ขาวดำมาตรฐานปกติ ในขณะที่มีรูปแบบการออกแบบที่แตกต่างกันออกไป
       การออกแบบ QR Code แบบสีนั้นจะมีข้อแตกต่างตรงที่สีเข้ม สีอ่อน ความคมชัดในการสแกนเพื่อแปลงค่า โดยความแปลกใหม่ของ QR Code แบบสีก็คือการจุข้อมูลได้มากกว่า การผลิตและออกแบบนั้น สามารถที่จะใส่สีหรือเพิ่มรูปภาพลงไปใน QR-Code โดยจะมีตัวที่ควบคุมค่าการอ่านเพื่อลดการผิดเพี้ยน แต่บางคนก็บอกว่าผิดพลาดง่ายขึ้นและไม่เป็นมาตรฐาน

     

       หากสนใจ ตอนนี้มีหลายมาตรฐานอย่าง Kaywa API ในการสร้างโค้ดสี และสร้างความแตกต่างในการทำโค้ดได้จากหน้าเว็บ และยังมีแอปพลิเคชันของญี่ปุ่นในการสร้าง on-line QR-Code ที่ประกอบไปด้วยข้อความ สี และข้อมูลอื่นๆ ภายใต้ชื่อ Moji-Q ใครไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นก็ลองใช้ Google Japanese-English translator แปลดูก็ได้
       ทางฝั่งไมโครซอฟท์นั้นได้มีการพัฒนา 2D-Code ที่มีขนาดเล็ก มีรูปทรงและสีที่แตกต่างออกไปเช่นกัน เรียกว่าจะเอามาตรฐานของแต่ละคนวัดกันเลยทีเดียว
       ปัญหาตอนนี้ก็คือความละเอียดของกล้องมือถือยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างของสีและความเข้มของสีได้มากขนาดนั้น การอ่านด้วยกล้องมือถือจึงมีข้อกำกัดมากกว่าเครื่องยิงบาร์โค้ดทั่วไป
       นอกจากนี้ยังมีบริการจาก Color Code ภายใต้ชื่อ Color Construct Code (Color C Code) สำหรับการใช้งานร่วมกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ในการทำการตลาดและโฆษณาผ่านมือถือ

       

       Color C Code นั้นประกอบด้วยข้อมูลจำนวนมากที่สามารถรันได้โดยไม่ต้องอาศัยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อถอดรหัสและแสดงผลแบบดิจิตอลเช่น ข้อความ ภาพ เสียง เพลง และวีดีโอ ภาพด้านล่างเป็น Color C Code บนปกซีดีที่ถอดรหัสแบบออฟไลน์เพื่อเล่นคลิปเพลง 40 วินาที
       สำหรับตลาด Color QR Code แบบสีนั้นมีข้อกำหนดและข้อจำกัดในเรื่องของการพิมพ์ฉลากบาร์โค้ด โดยการออกแบบให้ QR Code มีหลายสี โดยจะมีส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกันก็คือเครื่องพิมพ์ เครื่องอ่าน ก็คือพิมพ์บนสื่อต่างๆ แล้วทำการสแกนอ่านโดยใช้ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งบนโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นความแม่นยำและการอ่านความแตกต่างของสีพื้นหลังและจุดบนพื้นหลังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
        โดยการสร้างรหัสโค้ด Color QR Code นั้นไม่ใช่ว่านึกอยากจะสร้างสีอะไรก็สร้าง แต่จะต้องสื่อความหมาย เช่น สีประจำโลโก้ สัญลักษณ์ของบริษัท หรือบนการ์ดอวยพรช่วงคริตมาสก็จะเป็นสีแดงกับเขียว
        ดังนั้นความเข้มของสีในการพิมพ์ Color QR Code จึงมีความแตกต่างจากขาวดำตรงที่พรินเตอร์ที่ใช้ กระดาษที่ใช้ ก็มีผลกับสีด้วยเช่นกัน ดังนั้นการพิมพ์แบบสีอาจจำเป็นต้องเข้มงวดในเรื่องของการพิมพ์เพราะมีผลกับความผิดพลาดในการสแกนและอ่านโค้ด

       
  
        เรียกได้ว่า CQ Code และ Color C Code ต่างก็เป็นรหัสโค้ดแบบใหม่ที่ตอบสนองการทำการตลาดและใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจ การตลาด การบริการ และโฆษณา ผู้บริโภคปรับตัว ผู้ผลิต นักการตลาด นักโฆษณาควรรู้ไว้เพื่อปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดครับ
      ขอขอบคุณ
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9530000024807

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

โรคต่างๆ จากคอมพิวเตอร์

ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้คนยุคสมัยนี้ ถึงแม้จะให้คุณอนันต์ แต่ว่าคอมพิวเตอร์ก็มีโทษเหมือนกัน

ล่าสุด ที่ทำให้ตกใจกันทั่วคือ เมื่อนักวิจัยชาวอังกฤษได้ทำการศึกษาและพบว่า คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์นั้น เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียอันตรายมากกว่าโถสุขภัณฑ์ถึง 5 เท่า!!! และทำให้ผู้ใช้ท้องเสียโดยไม่รู้ตัว ไม่เพียงเท่านั้นยังมีอีกหลายโรคที่เกิดเพราะคอมพิวเตอร์


ท้องร่วงเพราะคีย์บอร์ด
โรคที่ตั้งชื่อตามตัวอักษรชุดแรกบนแป้นคีย์บอร์ดว่า Qwerty Tummy อาจระบาดในที่ทำงานได้ หากว่าแป้นคีย์บอร์ดมีแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ และผู้ใช้รับประทานอาหารไปพร้อมกับใช้งานคีย์บอร์ดเครื่องคอมพ์ด้วย
การศึกษาครั้งนี้ แสดงว่าคีย์บอร์ดเป็นแหล่งเพาะแบคทีเรียที่น่ากลัวด้วยคนทำงาน 1 ใน 10 ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ด และ 20% ไม่เคยทำความสะอาดเมาส์ ขณะที่ 50% ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ดภายในเวลาหนึ่งเดือน
นอกจากนี้ ด้วยรูปแบบการทำงานสมัยใหม่ ที่พนักงานต้องย้ายโต๊ะทำงานไปเรื่อยๆ ทำให้พวกเขาไม่มีทางรู้ว่า ใครใช้คีย์บอร์ดที่กำลังใช้อยู่และใช้งานอย่างไรบ้าง
ทางแก้ไขคือ ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จึงควรทำทั้งที่บ้านและที่ทำงานควรทำความสะอาดคีย์บอร์ดเป็นประจำไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย วิธีการคือ ทำความสะอาดด้วยผ้าเนื้อนุ่มชุบน้ำหมาดๆ ที่สำคัญคือ อย่าลืมถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ก่อน
โรคอื่นๆ อีกมากมาย
คอมพิวเตอร์จะไม่เป็นอันตราย หากว่าคุณไม่ใช้มันจนติดเป็นนิสัย ซึ่งหมายความว่า นั่งจมจ่อมอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เกือบจะตลอดวันและทุกวัน คนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ้างเป็นบางครั้งคราวย่อมไม่ได้เจ็บป่วยเพราะคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ละคนก็จะได้รับผลกระทบจากเครื่องใช้ไฮเทคนี้มาก-น้อยช้า-เร็วไม่เหมือนกัน หลายๆ อาการเจ็บป่วยจากคอมพิวเตอร์นั้น อาจจะเป็นสิ่งที่เรารู้กันดี แต่บางครั้งก็หลงลืม ลองมาทบทวนกันดูหน่อยดีไหม


ปวดตา 
เพราะการใช้คอมพิวเตอร์ทำให้ตาต้องจ้องจอสว่างๆ จึงเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพสายตา จึงควรระวังแสงที่จะส่องตรงมา โดยเฉพาะแสงจากด้านหลังของจอคอมพิวเตอร์ ควรให้แสงเข้ามาด้านข้าง (ด้านขวาก็จะดี) ถ้าเป็นไปได้ให้ติดแผ่นป้องกันรังสี รวมทั้งปรับความสว่างของจอให้เหมาะสมกับดวงตา การอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ไม่เพียงทำให้เกิดอาการปวดตาเท่านั้น แต่อาจเป็นสาเหตุของโรคต้อหินในอนาคตด้วย โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่สายตาสั้น นอกจากนี้ จอคอมพิวเตอร์ที่สั่นไหว หรือเป็นคลื่นนั้นควรจะยกไปซ่อมซะ ควรละสายตาจากจอบ้างเป็นครั้งเป็นคราว กะพริบตาเป็นระยะ เพราะดวงตาของคุณต้องการความชุ่มชื้น


โรคเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ
ปรับระดับความสูงของเก้าอี้หรือโต๊ะที่วางคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ข้อศอกอยู่ในมุม 90-100 องศา วางคีย์บอร์ดให้เหมาะ เวลาใช้คีย์บอร์ดจะได้ไม่ต้องงอมือให้อยู่ในท่าที่ไม่สะดวกสบาย ควรวางข้อมือบนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ดถ้าหากจำเป็น ควรพิมพ์คีย์บอร์ดและใช้เมาส์อย่างเบามือ ถ้ามีเวลาก็ออกกำลังกายข้อมือและนิ้วบ้าง หากสามารถทำงานด้วยวิธีการอื่นโดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะและทำซะ


ปวดคอและหลัง
สำรวจท่านั่งเวลาทำงานของตัวเอง ควรนั่งตัวตรง ห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 18-24 นิ้ว เก้าอี้ที่ดีควรจะมีล้อ สามารถปรับพนักพิงได้ และต้องมีที่วางแขน โต๊ะควรจะมีพื้นที่ว่างสำหรับวางเครื่องมืออื่นๆ ในการทำงาน

และสุดท้ายที่อยากตระหนักกันให้มากคือ อันตรายคลื่นลูกใหม่ที่มาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและหลอดภาพของจอคอมพิวเตอร์ เมื่อเราเปิดเครื่องใช้ก็จะมีรังสีแผ่ออกมา จึงไม่ควรนั่งใกล้จอเกินไป โดยเฉพาะเวลาใช้แล็ปท็อปซึ่งทำให้เราต้องนั่งใกล้เครื่องมากกว่าพีซี ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้แผ่นป้องกันรังสี หรือเลือกใช้จอคอมพิวเตอร์ที่ไม่แผ่พลังรังสีไฟฟ้าออกมา แม้ราคาจะแพงกว่า แต่ปลอดภัยกว่า หากไม่ใช้เครื่องก็ควรปิด โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในห้องนอน

รู้แล้วก็ลงมือทำซะวันนี้ ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะไม่ฆ่าเราทันทีทันใด แต่คงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า ถ้าเราไม่เสี่ยงกับการเกิดโรคภัยเหล่านี้ นะคะ เพื่อนๆที่ใช้คอมพิวเตอร์ทุกวัน ต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาด พักสายตา ยืดเส้นยืดสาย ขยับร่างกายกันบ้างนะจ๊ะ ไม่งั้นโรคถามหาแน่นอน